#นักเขียนที่เรารัก Mario Puzo – เจ้าพ่อนิยายมาเฟียผู้เปลี่ยนโลกวรรณกรรม
“A man who doesn’t spend time with his family can never be a real man.”
Mario Puzo คือชื่อที่มาพร้อมกับกลิ่นอายของกลโกงอำนาจ ความจงรักภักดีในครอบครัว และความรุนแรงใต้เงาของศักดิ์ศรี เขาคือผู้สร้างตระกูลคอร์เลโอเน่ใน The Godfather นิยายที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของมาเฟียในสายตาชาวโลกไปตลอดกาล
ชายผู้เติบโตจากเงาของความยากจน
Mario Gianluigi Puzo เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 1920 ในย่าน Hell’s Kitchen, Manhattan — เขตอันแร้นแค้นของมหานครนิวยอร์กที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม ความรุนแรง และผู้อพยพ ชีวิตของเขาเริ่มต้นด้วยความลำบาก พ่อของเขาซึ่งเป็นคนงานโรงงาน ติดสุราเรื้อรังและมีปัญหาทางจิตจนต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยครั้ง ทิ้งภาระทั้งหมดไว้กับแม่ผู้แข็งแกร่งในการเลี้ยงดูลูก ๆ ถึง 7 คนด้วยตัวคนเดียว
เด็กชาย Mario เติบโตมาท่ามกลางเสียงไซเรน ตึกเก่า และอิทธิพลของโลกใต้ดิน แต่แทนที่จะถลำเข้าสู่อาชญากรรม เขาหันเข้าหาหนังสือและการเขียน เขามักใช้เวลาว่างในห้องสมุด สะสมความฝันเงียบ ๆ ว่าวันหนึ่งจะเป็นนักเขียน
📚 เส้นทางสู่การเป็นนักเขียน — เต็มไปด้วยการต่อสู้
หลังเรียนจบมัธยม เขาเข้าศึกษาด้านสังคมศาสตร์ที่ City College of New York และต่อมาได้ศึกษาต่อที่ The New School for Social Research
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาเข้าร่วมกองทัพอากาศสหรัฐฯ และถูกส่งไปประจำการในเยอรมนี แม้ไม่ได้เป็นแนวหน้า แต่ประสบการณ์เหล่านี้กลายเป็นวัตถุดิบชั้นดีในนิยายเรื่องแรก ๆ ของเขา
หลังสงคราม เขาหันมาเอาดีด้านงานเขียน แต่ชีวิตในช่วงแรกไม่ง่าย เขาเขียนนิยายเรื่องแรก The Dark Arena (1955) และ The Fortunate Pilgrim (1965) ที่ได้รับคำชมเชิงวรรณกรรม แต่ไม่ขาย และทำให้เขาต้องเผชิญกับภาวะหนี้สินอย่างหนัก
จากความจนและแรงกดดัน เขาตัดสินใจเขียน “นิยายเพื่อขาย” ขึ้นมาหนึ่งเรื่อง โดยอาศัยแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมมาเฟียที่เขาเคยเห็นในย่านที่เติบโต และนั่นก็คือ The Godfather
📖 The Godfather – มหากาพย์ของศักดิ์ศรีและเลือดเนื้อ
ตีพิมพ์ในปี 1969 The Godfather กลายเป็นหนังสือขายดีที่สุดทันที ด้วยเนื้อหาที่ลึกซึ้งกว่าภาพลักษณ์มาเฟียในสื่อก่อนหน้านั้น
มันคือเรื่องของครอบครัวที่มีระบบคุณธรรมของตัวเอง มีเกียรติในแบบที่กฎหมายเข้าไม่ถึง
Don Vito Corleone คือตัวแทนของพ่อผู้ปกป้องครอบครัวด้วยกำลังและไหวพริบ ส่วน Michael Corleone คือลูกชายที่เดินเข้าสู่โลกของพ่อ แม้จะเริ่มจากความลังเล
ในปี 1972 นิยายเล่มนี้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์โดย Francis Ford Coppola ซึ่ง Mario Puzo ร่วมเขียนบทด้วยตนเอง ผลงานร่วมกันของพวกเขาส่งผลให้ The Godfather ภาคแรกกลายเป็นภาพยนตร์อมตะ คว้ารางวัล Oscar สาขาบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเปิดทางสู่ภาคต่อที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
📽️ The Godfather Part II ที่เขาเขียนบทร่วมกับ Coppola ได้รับรางวัล Oscar เช่นกัน และถือเป็นหนึ่งในภาคต่อที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์
แม้ Part III จะได้รับเสียงวิจารณ์หลากหลาย แต่ก็ยังถือเป็นการปิดตำนานได้อย่างสมศักดิ์ศรี
📚 ผลงานหลังจากนั้น — มองโลกมาเฟียจากมุมใหม่
Puzo ไม่หยุดอยู่แค่ The Godfather เขายังเขียนนิยายที่ตีแผ่ด้านอื่น ๆ ของโลกอาชญากรรมที่ลึกซึ้งและหลากหลายขึ้น
ใน The Last Don (1996) เขาเล่าเรื่องของมาเฟียยุคใหม่ที่ผสมผสานอำนาจมืดกับธุรกิจบันเทิงและวงการศาสนา เป็นงานที่แสดงให้เห็นว่า “ครอบครัวมาเฟีย” ไม่ได้อยู่แค่ในตรอกซอกซอยของนิวยอร์กอีกต่อไป แต่แผ่ขยายสู่โครงสร้างอำนาจร่วมสมัย
ส่วน Omertà (2000) คือผลงานสุดท้ายที่เขียนเสร็จก่อนเสียชีวิต ตีพิมพ์หลังจากเขาเสียชีวิตไม่นาน ชื่อเรื่องหมายถึง “คำสาบานแห่งความเงียบ” ของมาเฟียซิซิเลียน เป็นการกลับสู่รากวัฒนธรรมดั้งเดิมของมาเฟียอีกครั้ง และยังคงความเฉียบคมในด้านการวางโครงเรื่องและบรรยากาศอันทรงพลัง
Mario Puzo เสียชีวิตเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1999 ขณะอายุ 78 ปี ที่บ้านพักของเขาในลองไอส์แลนด์ นิวยอร์ก
แม้ตัวจะจากไป แต่ตัวละครของเขายังอยู่ ทั้งในหนังสือ บนจอภาพยนตร์ และในจินตนาการของผู้อ่านทั่วโลก