นักเขียนที่เรารัก
อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี: นักบิน นักฝัน และเจ้าชายน้อยในใจใครหลายคน
หากจะมีนักเขียนคนใดที่สามารถพาเราบินข้ามผืนฟ้า ทะเลทราย และจินตนาการอันไร้ขอบเขต ด้วยถ้อยคำเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก “อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี” ก็คงเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนจะนึกถึง
เขาไม่ได้เป็นเพียงนักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้ประพันธ์ Le Petit Prince หรือ เจ้าชายน้อย เท่านั้น แต่ยังเป็นนักบินตัวจริงที่เคยเผชิญทั้งพายุ ทะเลทราย การล่มสลายของฝรั่งเศสในสงครามโลก และการสูญหายในภารกิจข่าวกรองกลางเวหา นี่คือชีวิตของชายผู้ใช้การบินและวรรณกรรมเป็นเส้นทางเดียวกัน
จากลียงสู่เวหานิรันดร์
อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี เกิดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ. 1900 ณ เมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวขุนนางผู้มีฐานะดี แต่เมื่ออายุเพียง 4 ขวบ เขาก็ต้องสูญเสียพ่อไปอย่างกะทันหัน แม่ของเขาจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจหลักในชีวิตและงานเขียนหลายชิ้น
แซงเตก-ซูเปรีสนใจการบินตั้งแต่วัยเด็ก เขาเรียนรู้การขับเครื่องบินและเข้าร่วมกองทัพอากาศ โดยเริ่มจากการเป็นนักบินขนส่งจดหมายผ่านเส้นทางยุโรปและแอฟริกาเหนือ ท่ามกลางสภาพอากาศอันเลวร้าย และเครื่องบินที่ไม่ได้ทันสมัยหรือปลอดภัยอย่างในปัจจุบัน
ชีวิตรักที่เปราะบาง…แต่ฝังลึกในหัวใจ
ในปี 1931 เขาแต่งงานกับ Consuelo Suncín หญิงสาวชาวเอลซัลวาดอร์ผู้เป็นทั้งศิลปินและนักเขียน เธอเป็นหญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความมั่นใจ และความอ่อนไหว
ชีวิตคู่ของพวกเขาเต็มไปด้วยความรัก ความขัดแย้ง และการเดินทางแยกย้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แม้จะมีระยะห่าง แต่ Consuelo ก็ยังคงเป็น “ดอกไม้” เดียวในใจของเขา
หลายคนเชื่อว่า “ดอกกุหลาบบนดาวของเจ้าชายน้อย” ที่บอบบาง หวงตัว และต้องการความเข้าใจ — คือภาพแทนของเธอ
ความสัมพันธ์ของพวกเขาอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่กลับเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจ และเป็นเสี้ยวหนึ่งของหัวใจที่ปรากฏในงานเขียนของแซงเตก-ซูเปรีเสมอ
เมื่อชีวิตคือแรงบันดาลใจ
ประสบการณ์การบิน และความรักที่ซับซ้อนกลายเป็นต้นธารให้กับงานเขียนของเขา ไม่ว่าจะเป็น Courrier Sud (Southern Mail), Vol de nuit (Night Flight), หรือ Terre des hommes (Wind, Sand and Stars) ที่ล้วนเล่าถึงการเดินทาง ความโดดเดี่ยว และภาวะภายในของมนุษย์ผู้ฝ่าคลื่นลมไปสู่จุดหมายที่ไกลเกินตาเห็น
เขาไม่ใช่นักเขียนที่พูดถึง “เรื่องราว” เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้วรรณกรรมเป็นเวทีสะท้อนความเป็นมนุษย์ ความรัก ความเหงา และการค้นหาความหมายของชีวิต
เจ้าชายน้อย: นิทานที่ไม่เคยแก่
ในปี 1943 ระหว่างลี้ภัยในนิวยอร์ก แซงเตก-ซูเปรีได้เขียนผลงานที่เป็นอมตะที่สุดในชีวิต นั่นคือ Le Petit Prince หรือ เจ้าชายน้อย ที่บอกเล่าเรื่องราวของเจ้าชายจากดาวเคราะห์เล็ก ๆ ที่เดินทางไปยังดวงดาวต่าง ๆ และมาพบกับนักบินผู้ตกเครื่องกลางทะเลทรายซาฮารา
แม้จะเขียนเหมือนนิทานเด็ก แต่ เจ้าชายน้อย กลับเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เช่นประโยคที่ทุกคนจดจำได้ไม่ลืม:
“สิ่งสำคัญนั้นไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา ต้องมองด้วยหัวใจเท่านั้น”
บินจากไป…โดยไม่มีวันกลับ
ในช่วงปลายของชีวิต แซงเตก-ซูเปรีกลับมาร่วมภารกิจการบินเพื่อฝรั่งเศสเสรีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้อายุจะมากเกินเกณฑ์แล้ว เขาก็ยังขอรับหน้าที่เป็นนักบินลาดตระเวน
วันที่ 31 กรกฎาคม 1944 เขาออกบินจากเกาะคอร์ซิกาเพื่อลาดตระเวนเหนือน่านฟ้าฝรั่งเศส และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่มีผู้พบเห็นเขา เครื่องบินของเขาหายสาบสูญไปกว่า 50 ปี ก่อนที่ซากชิ้นส่วนจะถูกพบในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนช่วงปลายทศวรรษ 1990
มรดกแห่งความอ่อนโยนและการค้นหา
อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี ทิ้งมรดกไว้ไม่เพียงแต่ในรูปของวรรณกรรม แต่ยังรวมถึงความคิดที่เชื่อในคุณค่าของจินตนาการ ความรัก และการมองเห็นสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยตา
ชีวิตเขาอาจจบลงกลางเวหา แต่ผลงานของเขายังลอยอยู่ในใจของผู้อ่านทั่วโลกอย่างไม่มีวันตกพื้น
"เจ้าชายน้อยอาจเป็นตัวละครในนิทาน แต่ผู้เขียนคือชายผู้มีชีวิตเป็นนิยายจริง ๆ — เต็มไปด้วยความกล้า ฝัน และคำถามที่ยังสะท้อนอยู่ในใจคนอ่านตลอดไป"
ถ้าคุณยังไม่เคยรู้จักเขา ลองเริ่มจาก เจ้าชายน้อย
ถ้าคุณเคยอ่านแล้ว ลองย้อนกลับไปอ่านอีกครั้ง พร้อมสายตาใหม่…บางทีคุณอาจได้พบตัวเองที่ซ่อนอยู่ในระหว่างบรรทัดก็ได้