แผนร้ายช่วงชิงรัก (หวามรักสุดรอยทราย)
ตระการตา ไฮโซสาวสวยชาวไทยที่โดนคนรักหักอก ซึ่งเข้าทางบุพการีที่อยากจับเธอคลุมถุงชนกับผู้ชายที่ท่านหมายตาไว้ หญิงสาวจึงหนีทุกอย่างไปพักกายพักใจยังประเทศสิงคโปร์ พร้อมคิดแผนอันแยบยลขึ้นมาว่าจะจ้างผู้ชายสักคนหนึ่งมาจดทะเบียนสมรสด้วย เพื่อให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน และนักธุรกิจรูปหล่อนามว่า อัสวาน ที่เธอพบโดยบังเอิญก็กลายเป็นเป้าหมาย เธอเอ่ยปากว่าจ้างเขาด้วยค่าแจ้งแพงลิบลิ่ว หารู้ไม่ว่าเงินเพียงแค่นั้นมันช่างน้อยนิดสำหรับเจ้าชายแห่งประเทศซาลัสอย่างเขา แต่ในเมือเขาเองก็ถูกตาต้องใจเธอตั้งแต่แรกเห็น จึงซ้อนแผนเออออห่อหมกไปกับหญิงสาว ยอมเป็นสามีตีทะเบียนจานด่วนให้กับเธอ แต่หลังจากเป็นสามีทางนิตินัยแล้ว คิดหรือว่าชายหนุ่มจะไม่เสนอตัวเป็นสามีทางพฤตินัยให้เธอเป็นลำดับถัดไป
"มองแบบนี้คิดะไรกับผมใช่ไหมครับ" "เปล่านะคะ ฉันไม่ได้คิด ลุกได้แล้ว" "ขอทับหน่อยไม่ได้หรือ หัดๆ กันไว้" คนตัวเล็กหน้าแดงอย่างห้ามไม่อยู่ "คุณเป็นลูกจ้างของฉันนะ " "อยากสอนนายจ้าง ที่ต้องแตะเนื้อต้องตัวกันผมไม่คิดมูลค่า ถือว่าเป็นของแถมให้นายจ้างสาวโสด" เน้นย้ำคำว่าดสดมันจี้ใจดำคนฟัง ความโสดมันมาพร้อมกับความซวย จึงต้องจ้างคนอื่นมาเป็นสามี สาวเจ้าพยายามผลัดไหล่หนาให้อีกฝ่ายลุก "ลุกสักที ฉันหนัก" "เกิดเป็นหญิงอย่างไรเสียก็ต้องแบกรับน้ำหนักสามี มันคือสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ทับวันนี้วันอื่นก็โดนทับ" อัสวานก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะฉวยโอกาสจากเพศตรงข้าม แม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี ดวงตาคู่คมจ้องมองปากอิ่มที่ขยับตอบโต้ด้วยความรุ็สึกหลากหลาย "ฉันจะโสดไปจนตาย" "แน่ใจหรือ ความโสดมันไม่สนุกหรอก"หากไม่มีใคร เรามาลองคบกันดูไหม
เจ้าสาวของจอมเถื่อน
"หัดรักตัวเองเสียบ้าง" "แล้วฉันไม่รักตัวเองตรงไหน" "อย่าให้ท่าเพศตรงข้าม" "ฉันว่าคุณคงหลงเสน่ห์ของฉันเข้าแล้วแน่ๆ ไม่ต้องทำเป็นไม่สนใจหรอกค่ะ" สาวเจ้ายิ้มแก้มปริ เผยให้เห็นลักยิ้มแก้มซ้ายชัดเจน มันเป็นรอยยิ้มเปิดเผย ไม่เหมือนสตรีรอบกายที่เขาพบเห็น เขาเป็นชาย มีสตรีมากมายมาคอยรับใช้ สมัยก่อนคงเรียกว่าฮาเร็ม แต่สมัยนี้มีชื่อมากมายให้ตั้ง โดยเฉพาะสถานเริงรมย์ต่างๆ ที่จำกัดเขตให้เฉพาะในตัวเมืองและเปิดถูกต้องตามกฏหมาย "หลงตัวเอง" พูดจบก็ขยับกายถอยห่าง สาวเจ้าขยับลุกมาเบียดกระแซะไม่รู้อะไรทำให้จินตญาทำแบบนี้ออกไป บอกตามตรงงว่าเธอสะดุดหัวใจผู้ชายคนนี้เข้าแล้ว
"ฉันว่าฉันก็ไม่ขี้เหร่นะคะ" "จินตญา" "เรียกจินเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" "กลับไปนอนที่ตัวเอง ฉันก็จะนอนเหมือนกัน" พูดจบก็ลดกายลงนอนตามเดิม ข่มตาให้หลับ ทว่า เอเดนรู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายของตัวเองกำลังตื่นตัว มันเรื่องบ้าอะไรกัน เจอผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ทำไมกับยายตัวจุ้นด้านข้างจึงส่งผลต่อเขาขนาดนี้
"คนอะไร ให้ท่าแล้วยังไม่รู้อีก" หญิงสาวบ่นเป็นภาษาไทย และไม่รู้ว่าคนฟังฟังรู้เรื่อง เอเดนถึงกับอมยิ้มกับคำพูดของเจ้าตัว "หล่อออกปานนี้ คงมีเมียเป็นสิบสินะ ถึงไม่สนใจสาวไทยไซซ์มินิอย่างเรา เฮ้อ" ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วล้มตัวลงนอน หัวใจนะหัวใจ แค่นี้ก็ทำเป็นใจง่าย มหาโจรอะไรจะหล่อเหลาปานเทพบุตร ชักสงสัยเสียแล้วสิว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้าอันไกลโพ้น ส่องแสงสีทองอาบเนินทรายสูงต่ำที่แปรเปลี่ยนสภาพไปตามกระแสลมที่พัดพา ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองเห็นโอเอซิสอยู่ไม่ไกลนัก หันรีหันขวางไปด้านหลังอย่างระมัดระวัง หลังเดินทางไกลยาวนานมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ มือบางขยับผ้าโพกหน้าสีดำให้แน่นขึ้น พลางโน้นตัวลูบไล้ด้านข้างเจ้าอูฐตัวใหญ่ พาหนะคู่ใจที่นำพาเธอห้อตะบึงมา ตลอดการเดินทางหญิงสาวได้แต่ภาวนาในหัวใจอย่าให้พบเจอโจรผู้ร้าย ว่ากันว่ากลางทะเลทรายมีโจรเยอะมากหลายกลุ่มหลายเผ่า
ไม่คิดจริงๆ ว่าการเดินทางมาทำงานในประเทศชาร์มาจะทำให้ชีวิตตนเองต้องพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เหตุการณ์อันน่าสยดสยองติดตา คนพวกนั้นช่างน่ากลัว การเข่นฆ่าดูจะเป็นเรื่องธรรมดาเคยชิน ทั้งที่มันใหญ่โตสำหรับเธอเป็นอย่างมาก การรู้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นทำให้จินตญารีบหาทางรอดให้ตัวเอง ป่านนี้ไม่แน่ใจว่าคนพวกนั้นจะเลิกตามล่าหรือยัง
"เหนื่อยจริง เมื่อไรจะเจอหมู่บ้านเนี่ย" ปากอิ่มพึมพำ รีบบังคับอูฐตัวใหญ่ให้วิ่งไปยังโอเอซิส เผื่อมีแอ่งน้ำสะอาดจะได้เติมใส่ในกระเพาะอูฐ เพราะตอนนี้น้ำที่มีติดตัวใกล้หมดแล้ว "ไปทางนั้นเร็วเข้า" มือบางกระตุกเชือกให้อูฐวิ่งไปตามทิศทางที่ต้องการ แต่แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อแลเห็นฝุ่นทรายลูกใหญ่โหมพัดส่งเสียงอื้นอึงมาแต่ไกล เม็ดทรายสีทองละเอียดยกตัวขึ้นสูงหมุนวนและมันกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ตั้งแต่มาทำงานเคยได้ยินคำบอกเล่าถึงพายุทะเลทราย ทว่าเพิ่งเห็นด้วยตาตัวเองก็วันนี้
"บ้าจริง ทำไงดี" ปากอิ่มพึมพำด้วยความหวาดกลัวซ้ำไปซ้ำมาจากตรงนี้กว่าจะถึงโอเอซิสเธอคงต้องโดนเจ้าพายุลูกใหญ่เล่นงานก่อนแน่ๆ "วิ่งกลับทางเดิมเร็ว" อูฐตัวใหญ่ชะลอฝีเท้าหมุนตัวเมื่อโดนกระตุกเชือกให้เบนทิศทางหญิงสาวหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่ม หวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ เกรงจะต้องเอาชีวิตมาทิ้งกลางทะเลทรายนี่
"ไม่น่าเลย ไม่น่าจริงๆ ยายจิน มันเวรกรรมอะไรของเรากันนี่ ฉันยังไม่อยากตายนะ ฉันยังไม่รวยเลย" เจ้าหล่อนพร่ำพรรณนา หันรีหันขวาง พายุอื้ออึงพัดโหมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตัดสินใจบังคับให้อูฐหยุดฝีเท้า แล้วก้าวลงมาใช้ผ้าโพกปิดหน้าตาจนหมด แล้วคุดคู้ข้างๆ อูฐซึ่งย่อตัวลง "ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังไม่มีสามีเลย ฮือ"
จินตญาหลับหูหลับตาร่ำร้องในใจ เมื่อพายุทรายลูกใหญ่ถาโถมโหมพัดเข้ามาปะทะเธอกับอูฐ ความกลัวทำให้สติของหญิงสาวหลุดลอยร่ำร้องหวาดผวา และดับวูบในที่สุด